Wednesday, 11 December 2013

"3....2....1...วาด!!!"

"3....2....1...วาด!!!"
เมื่อสิ้นเสียงของผม ผู้เข้าแข่งขันสิบคนทั้งเด็กตัวเล็กจวบจนผู้ใหญ่ตัวโตพร้อมใจกันคว้าดินสอ สีไม้ ปากกา และแท่งชาโคล ขึ้นละเลงบนกระดาษขาวที่ถูกเตรียมไว้บนขาตั้งกระดานวาดรูปของแต่ละคนอย่างตื่นเต้น  บางคนขะมักเขม้นใส่ใจอยู่กับผลงานของตัวเอง  อีกหลายคนแอบชำเลืองมองรูปของคนข้างๆพลางหัวเราะติชมกันไปมาอย่างสนุกสนาน ท่ามกลางสายตาของคนที่ผ่านไปมา ในห้องโถงใหญ่ของพิพิธภัณฑ์ Victoria&Albert หรือ the V&A... ทำเอาตัวผมเองที่ยืนอยู่บนเวทียังไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง ว่าบรรยากาศเจี๊ยวจ๊าวและมีชีวิตชีวาขนาดนี้ จะเกิดขึ้นในพิพิธภัณฑ์ระดับชาติที่มีประวัติยาวนานย้อนไปถึงปี 1851

ความเด็ดของพิพิธภัณฑ์แห่งนี้เริ่มกันตั้งแต่ชื่อ ที่ตั้งเพื่อเป็นเกียรติกับเจ้าชายAlbertและพระราชินีVictoria ผู้สนับสนุนอุดมการณ์ให้ศิลปะและงานออกแบบเป็นสิ่งที่เข้าถึงได้จากชนชั้นทำงาน (สวนกระแสของพิพิธภัณฑ์ที่โด่งดังในขณะนั้นซึ่งแสดงแต่ศิลปะของชนชั้นสูง เช่น National Gallery) และใช้ความรู้เป็นแรงผลักดันวงการอุตสาหกรรมและเศรษฐกิจ ส่งผลให้มีคอลเล็คชั่นศิลปะและงานออกแบบอันมโหฬารประกอบด้วยสิ่งของและโบราณวัตถุกว่า4.5ล้านชิ้น จากตลอดช่วงเวลาในประวัตศาสตร์กว่า5,000ปี และที่เจ๋งที่สุดคือมีกิจกรรมการเรียนรู้ดีๆให้เข้าร่วมฟรีตลอดศก จึงไม่แปลกที่สถานที่แห่งนี้จะได้จัดอยู่ในลำดับต้นๆของ “หนึ่งร้อยพิพิธภัณฑ์ที่ต้องไปดูก่อนตาย”* และทำให้ผมรู้สึกเป็นเกียรติอย่างมากที่ได้รับเชิญไปเป็นวิทยากรช่วยจัดอบรมเชิงปฎิบัติการ ร่วมกับศิลปินสาวไฟแรง Alexa Galea เป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรม V&A Summer camp ที่จะมีขึ้นในฤดูร้อนของทุกปี


ในปีนี้มีการแบ่งประเภทของกิจกรรมเป็นสามหัวข้อ คือ Idea ที่ครอบคลุมหลากหลายการสัมนา,  Make เป็นกิจกรรมประกอบนิทรรศการว่าด้วยพลังของงานประดิษฐ์สร้างสรรค์ และสุดท้าย Design ที่มีเวิร์คช็อปสนุกๆให้ผู้เยี่ยมชมได้ลงมือออกแบบโดยใช้ประติมากรรมและจิตรกรรม จากในพิพิธภัณฑ์เป็นแรงบันดาลใจ ซึ่่งหนึ่งในนั้นก็คือกิจกรรม Speed Drawing ของพวกเรานั้นเอง มีกติกาง่ายๆ คือ ให้ผู้เข้าแข่งขันสิบคนวาดรูปด้วยอุปกรณ์ที่เตรียมไว้ให้ ภายในเวลาแค่สองนาที! ส่วนสิ่งที่นำมาเป็นแบบให้วาดก็คือ ถ้วย โถ รูปปั้น และสิ่งของต่างๆในพิพิธภัณฑ์นั่นเอง และใครที่สามารถ“เล่าเรื่อง”ด้วยรูปสิ่งของเหล่านี้ได้ดีที่สุด(ไม่จำเป็นต้องสวย)ในรอบนั้น จะได้รับรางวัลเป็นตั๋วเข้าชมนิทรรศการหมุนเวียนของ V&A ฟรี  แต่เอาเข้าจริงๆคนส่วนมากที่เข้ามาต่อคิวก็ไม่ได้หวังเรื่องแพ้ชนะ แค่อยากมาเล่นเพราะว่ามันดูสนุกเท่านั้นเอง
บรรยากาศโดยรวมจึงไม่เครียดและเป็นกันเองตลอดวัน เริ่มตั้งแต่ตอนเช้า เราประกอบเวทีเล็กๆและจอฉายขึ้นในโถงใหญ่ ภายใต้การดูแลของภัณฑารักษณ์ที่มาแนะบริเวณกิจกรรมเพื่อไม่ให้เสี่ยงต่อการทำงานศิลปะเสียหาย จนสุดท้ายได้วางขาตั้งวาดรูปสิบชิ้น พร้อมอุปกรณ์ เคียงข้าง อนุเสาวรีย์แด่ Emily Georgiana และ รูปแกะสลักของCharles Pelham ซึ่งทั้งคู่เป็นรูปปั้นหินอ่อนอายุกว่า 160ปี เราสองคนจึงต้องแบ่งหน้าที่กันดูแลเหล่าผู้คนและเหล่ารูปปั้นไปพร้อมๆกัน นอกจากนี้ในบางช่วงผมก็จะขึ้นยืนบนเวที ป่าวประกาศเชิญชวนคนให้เข้ามาร่วมสนุก ส่วนAlexaไปเป็นผู้รับผิดชอบการจัดคิวและพาผู้เข้าแข่งกันในแต่ละรอบประจำที่ ในบางรอบนอกจากสิ่งของในคอลเล็กชั่นแล้ว เรายังมี “นางแบบจำเป็น” คือพ่อแม่ผู้ปกครอง หรือเพื่อนๆ ของผู้แข่งขัน ที่อาสาสมัครขึ้นมาโพสท่าเคียงคู่สิ่งของ เรียกเสียงหัวเราะและรอยยิ้มได้อีกเยอะ


กิจกรรมนี้ถึงจะดูธรรมดาๆ แต่มีไอเดียจากหลักการที่ว่า การที่จะ”วาด”สิ่งของชิ้นหนึ่งนั้น จะต้องสังเกตสิ่งที่อยู่ตรงหน้าอย่างมีสมาธิ เป็นการทำความเข้าใจองค์ประกอบการออกแบบของวัตถุนั้นนั้นไปในตัว
(คำว่า Design มีรากศัพท์มาจากภาษาอิตาลี Disegno ซึ่งแปลว่า Drawing นั่นเอง)
ดังนั้นเวิร์คช็อปนี้จึงเป็นการแนะนำวัตถุในV&A แบบเข้าใจง่าย และเกริ่นให้หลายๆคนอยากไปค้นคว้าประวัติสิ่งของแต่ละชิ้นกันต่อในพิพิธภัณฑ์ ซึ่งนี่เป็นเพียงหนึ่งในหลายร้อยกลวิธีสร้างความสนุกที่ V&A นำมาใช้ในการดึงดูดผู้คนอยู่เสมอ
โดยสิบปีที่ผ่านมาทางพิพิธภัณฑ์ได้เริ่มโครงการพัฒนาที่ใช้งบกว่า150ล้านปอนด์เพื่อบูรณะของที่มีอยู่และจัดสร้างสวนสาธารณะ รวมไปถึงห้องจัดแสดงใหม่ๆ อาธิเช่น The Medieval & Renaissance Galleries และ The Furniture galleries นอกจากนี้ยังมีส่วนที่ค้นคว้าและวิจัยข้อมูลของวัตถุในพิพิธภัณฑ์อย่างต่อเนื่อง อีกทั้งหน่วยการศึกษาที่ประสานงานกับโรงเรียนต่างๆ จัดกิจกรรมทั้งในและนอกสถานที่ เพื่อให้ใช้ประโยชน์จากคอลเล็คชั่นที่มีอยู่ได้อย่างสูงสุด เรียกได้ว่าแนวคิดของโบราณสถานแห่งนี้ไม่แก่ตามอายุซักนิดเดียว

ระหว่างทางกลับบ้าน ผมสังเกตเห็นป้ายผ้าขนาดยักษ์ใกล้ทางออก พิมพ์สโลแกนของเขาไว้ใหญ่โตว่า “พิพิธภัณฑ์ศิลปะและการออกแบบที่ดีที่สุดของโลก” (“The World’s Gratest Museum of Art and Design”) ซึ่งไม่ทราบเหมือนกันว่าใครที่ไหนเป็นกรรมการตัดสินมอบตำแหน่งดังกล่าวให้ตั้งแต่เมื่อไร…

ทั้งเก่าทั้งเก๋าขนาดนี้ ผมคงต้องยอมยกให้เขาโดยปริยาย


ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ http://vam.ac.uk/

*จัดลำดับโดย นิตยสาร complex magazine

No comments:

Post a Comment