อิริคแวะมาเยี่ยมเจ้าของบ้านที่ผมเช่าอยู่
แต่หารู้ไม่ว่ามีเด็กหนุ่มอาศัยอยู่ในบ้านหลังนี้อีกคนหนึ่ง
"Would
you like anything to drink?" ผมถาม ตามอัธยาศัย
"Black
Coffee with a dash of milk ,please" อิริคตอบ ตามอัธยาศัย
หลังจากที่พูดคุยและดื่มกาแฟกันจนหมดแก้วแล้ว
อิริคจึงขอตัวกลับ
เขาบอกว่าระหว่างทางกลับบ้านจะแวะไปตลาดวันเสาร์ที่ถนน Church street
ซึ่งตั้งห่างออกไปไม่ไกลนัก
คำว่า"ตลาดวันเสาร์"กับ"ไม่ไกลนัก"
เรียกความสนใจของผมเป็นอย่างมาก
จนในที่สุดความอยากรู้อยากเห็น บวกกับอากาศที่สดใสดูรู้เห็นเป็นใจ
ทำให้ผมหลุดปากถามไปว่า "Can I join you?" ดื้อๆซะงั้น
ตลาด
Church street เป็นตลาดวันเสาร์ ซึ่งเคยคึกครื้นอย่างมากในยุค60s
ในปัจจุบันตาลแห่งนี้ก็ยังคงเป็นเพชรในตมของนักช็อปอยู่
ด้วยเสียงตะโกนเรียกลูกค้าจากร้านแผงลอยต่างๆ ผสมกับความหลากหลายของสินค้าและความเป็นกันเองของผู้คน
ทำให้เสน่ห์ของตลาดยังคงเดิม เหมือนในบรรยากาศที่James
Masonเคยบันทึกไว้ในหนังสารคดีเก่าเรื่อง The London Nobody knows
ออกฉายจำกัดโรงเมื่อปี 1967 โน้น
หลังจากที่เดินเที่ยวตลาดซักพัก
อิริคพาผมไปขึ้นลิฟท์ที่ซ่อนตัวอยู่ด้านในของตึกสีเขียวใบตองชื่อ Alfies Antique
และเมื่อประตูลิฟท์เปิดออกที่ชั้นดาดฟ้า เราก็มาถึง "The Rooftop Restaurant" ซึ่งถูกเรียกว่า เป็น
โอเอซิสลอยฟ้า ของตลาดChurch street โดยอิริคเหล่าว่า ที่นี่เป็นร้านอาหารกึ่งร้านกาแฟสำหรับผู้คนท้องถิ่น
ด้วยที่ตั้งอันไม่ธรรมดา
ห่างไกลจากความจอแจข้างล่าง บวกกับอาหารรสอร่อยสริฟในปริมาณใหญ่เกินราคา
ถ้าผมจะมาที่ร้านนี้วันเสาร์ควรจะจองโต๊ะไว้ล่วงหน้าเสมอกันผิดหวัง
แต่เพราะเขาเองมาที่นี่ติดต่อกันทุกสัปดาห์เป็นเวลาหลายสิบปี พนักงานจึงมักจะมีโต๊ะให้อิริคเสมอ
ไม่ว่าร้านจะเต็มขนาดไหนก็ตาม เราเลือกนั่งด้านนอกกลางแจ้ง ไม่นานนัก กาแฟสองแก้ว, อาหารสามจาน
และเวลาเกือบสามชั่วโมงผ่านไปอย่าง รวดเร็ว และแล้วผมจึงเริ่มเข้าใจว่า
ผู้ชายคนนี้นั้นไม่ธรรมดาเลย
ถ้าคุณพิมพ์
"Tea with Eric" เข้าไปในช่องค้นหาของ youtube หนึ่งในวีดีโอที่ขึ้นมาในรายการผลลัพธ์
จะเป็นคลิปของคุณปู่ ผมขาว ใส่แว่นตาทรงเหลี่ยม
จิบชาอังกฤษพลางเหล่าเรื่องประสบการณ์จากวันวานอันหรูหรากับดาราฮอลลีวูดชื่อดัง
อย่างEvis Presley, Richard Harris , Elizabeth Taylor, Ava Gardner, Yul Brynner
ไปจนถึง เพื่อนซี้ของเขา Sal Mineo ขวัญใจวัยรุ่นในยุค60 ผู้แสดงประกบ James
Deanใน Rebel wihout a cause.
"ซาลเป็นคนที่พิเศษมาก
ถึงแม้เขาจะเป็นคนร่างไม่ใหญ่ แต่เวลาที่เขาเดินเข้าไปที่ไหนๆ
เขามีเสน่ห์บางอย่างเป็นเหมือนแสงสว่างที่ส่องออกมาจากภายใน เหมือนหลอดไฟฟ้าที่ปิดเปิดได้ในตัว
เป็นความอัศจรรย์ที่ทำให้คนทั้งห้องต้องหันมาดูเขา" อิริคเล่า
ตอนนั้นผมมักจะแวะไปจิบชา
และทานข้าวที่แฟล็ตเล็กๆของอิริคบ่อยๆ แต่ละครั้งที่ผมแวะไป
เราคุยกันเรื่องการเมืองและสภาพอากาศ(ตามประสาคนอังกฤษ), วิธีทำอาหารตามฤดูกาล, ข่าววงการบันเทิง, ความตกอับในบั้นปลายชีวิตของดารารุ่นเก่า , ฯลฯ
โดยไม่ว่าจะเป็นเรื่องไหน บทสนทนาของเรามักจะเข้มข้นสนุกสนานเสมอ
เนื่องจากนิสัยกล้าได้กล้าเสีย
และความทะเยอทะยานอันเต็มเปี่ยม
ชีวิตของอิริคจึงเต็มไปด้วยเรื่องเล่าสนุกๆจากประสบการณ์จริง
อิริคย้ายไปนิวยอร์คและเริ่มอาชีพจากเด็กส่งของตั้งแต่อายุสิบหก
จนจับพลัดจับพลูได้ไปเป็นนักออกแบบภายในให้กับบริษัทขนาดยักษ์และดาราชื่อดังในฮอลลีวูด
เครดิตของเขาลากยาวตั้งแต่ เป็นผู้ร่วมออกแบบHardrock cafeแห่งแรกในอังกฤษ ไปจนถึง
ช่วย Ella Fitzgeraldตกแต่งบ้านในช่วงบั้นปลายชีวิตของเธอ
"จริงๆแล้วเธออยากได้บ้านในฮอลลีวูด แต่เพราะเธอเป็นคนดำ ในยุคนั้น
ไอ้พวกดาราขี้เหม็นต่างไม่ยอมให้เธอไปอยู่ด้วย
ทั้งๆที่เธอเป็นคนนิสัยดีและรวยจะตายชัก" อีริคเล่าให้ผมฟังวันหนึ่ง
ขณะที่เพลงของเธอถูกเปิดในวิทยุสถานี Jazz FMพอดี
แต่ต้องบอกตามตรงว่า
เรื่องเล่าฟุ้งเฟ้อของดารา ไม่ใช่สิ่งที่นำผมกลับไปจิบชาที่แฟล็ตของอิริคบ่อยครั้ง
แต่เป็นคำสอนและปรัชญาที่แฝงอยู่ในเรื่องเล่าเหล่านี้ต่างหากที่น่าสนใจสำหรับผม เพราะเขาชอบที่จะสอน ส่วนผมนั้นชอบที่จะฟัง
ความสัมพันธ์ของเราจึงเป็นไปอย่างเรียบง่ายผ่อนคลาย
ไม่ผูกมัดเพราะต่างคนต่างเคารพซึ่งกันและกัน
ถ้าวันไหนผมว่างและคิดถึงก็จะแวะไป หรือถ้าเงียบหายไปนาน อีริคก็จะโทรมาตาม
และถึงแม้ผมจะยุ่งแค่ไหน ผมก็จะสละเวลาไปให้ได้
"มิตรภาพคือการให้และการรับ"
อีริคเคยพูด "อย่าบ่นว่าเพื่อนทิ้งฉัน
ถ้าอยากเป็นเพื่อนกัน
ต่างคนต้องต่างยื่นมือเข้าหากัน เมื่อเป็นเช่นนี้
มิตรภาพก็จะยืนยาวและมีความสุขทั้งสองฝ่าย"
อีกหนึ่งคำสอนของอิริคที่ผมจำขึ้นใจก็คือ
"ในหนึ่งวันคุณควรจะทำให้ได้อย่างน้อยสองอย่าง คือหนึ่ง
สิ่งที่เป็นประโยชน์กับตัวเอง และสอง สิ่งที่เป็นประโยชน์กับคนอื่น
อาจเป็นสิ่งเล็กๆน้อยๆ แต่ถ้าทำได้ทุกวัน
ในที่คุณตื่นมา พบว่าตัวเองอายุ70ปี และเมื่อมองย้อนกลับไปในชีวิต
คุณจะพูดได้เต็มปากว่า 'มันก็ไม่แย่นะ'"
ทุกวันนี้
ด้วยระยะทางที่ไกลกันมากขึ้น
ทำให้ผมไม่ได้กลับไปหาอิริคบ่อยครั้งเหมือนอย่างเคย….แต่พอว่างเมื่อไรก็เปิดคลิปของเขาในยูทูปพลางจิบชาไปพร้อมๆกัน
ก็แก้ให้หายคิดถึงคุณปู่ตัวแสบได้ไม่มากก็น้อย
เข้าไปดูวิดีโอของอิริคได้ที่
http://www.youtube.com/user/TEAwithERIC