Sunday 9 September 2012

#Concert: Florence & The Machine (Live at Alexandra Palace)


  



"Ally Pally" (เป็นชื่อเล่นน่าเอ็นดู ตั้งโดยคนท้องถิ่น) เป็นปราสาทที่สร้างขึ้นเกือบสองร้อยปีที่แล้วเพื่อใช้เป็นสาธารณะประโยชน์ โดยเฉพาะ  และถึงแม้จะโดนไฟไหม้และต้องบูรณะกันไปหลายครั้ง แต่ Ally Pallyก็ยังเป็นสถานที่โปรดของปวงชน  ด้วยปริเวณป่าที่สวยงาม  มีทั้งทะเลสาบ. ลานเสก็ตน้ำแข็ง ฯลฯ หน่ำซ้ำอาหารโฮมเมดที่บาร์อร่อยมากถึงมากที่สุด ราคาเหล้าเบียร์ก็ไม่แพงเกินงาม ทำให้ชาวเราได้ไปนั่งจิบกันพอกึ่มๆ ก่อนจะไปต่อแถวที่ทางเข้าตอนเที่ยงๆและยืนรอกันเมื่อยน่องจนประตูเปิดตอน เวลาประมาณทุ่มหนึ่ง   เป็นวินาทีที่ทุกๆคนในคิวล้วนวิ่งทะลักทลวงประตูใหญ่ ผ่านสวนปาล์มและห้องโถงขนาดยักษ์ของปราสาท(รวมระยะทางเท่ารอบสนามบอลดีๆ นี่เอง) เข้าไปออกันหน้าเวที  เราก็โฉบไปเกาะรั้วกับเขาด้วยสบายๆ ยืนรอไปผิวปากไปชิลๆแต่ขอสารภาพว่าในใจโคตรตื่นเต้นกับการจะได้ฟังนักร้อง ที่ถูกจัดอันดับเป็น "The greatest woman in rock of all time"*...ในระยะเผาขนเสียด้วย

เวลา 9:15น. ไฟสีขาวถูกฉายลงบนฉากผนังสไตล์ decoขนาดมหึมา  เผยให้เห็นสรีระของFlorence Welchโดดเด่นกลางเวที ในชุดคลุมสีเข้มออกแบบโดย Alex Noble  ผม สีแดงอันเป็นเอกลักษณ์ของเธอถูกมัดเป็นเปียและคาดไว้ด้านหลัง เผยให้เห็นต้นคอระหงส์และโครงหน้าท่าทางที่เหมือนถูกถอดมาจากภาพวาดของ ศิลปินpre-raphaelitesเป๊ะๆ   ทำเอาทุกคนโห่ร้องพร้อมปรบมือต้องรับเธอกันอย่างกึกก้อง ในส่วนของthe machineเองก็เรียกได้ว่าจัดเต็ม ขนกันมาทั้งวงนักประสานเสียง, string section รวมทั้งฮาร์ปขนาดใหญ่ ซึ่งถูกใช้อย่างคุ้มค่าตั้งแต่เพลงแรกเมื่อFlorenceเริ่มเปิดคอนเสิร์ตด้วย Only for a Night...


"ฉันรู้สึกผูกพันกับการจมน้ำ" Florenceเล่า "หรือไม่ก็การดำดิ่งเข้าไปในความลึก  ถูกปิดฝังและล้อมรอบไปด้วยอะไรบางอย่าง...ตอนเด็กๆมีอยู่ครั้งหนึ่งที่ฉันรู้สึกเหมือนจะนอนหายใจอยู่ได้ใต้น้ำ...เป็น ความรู้สึกที่ฉันพยายามจะทำซ้ำมาตลอด" ในอัลบั้มCeremonials  เธอสามารถสื่อสารความรู้สึกนั้นออกมาอย่างชัดเจน  ด้วยโทนเสียงดนตรีที่หนักแน่น ไปจนถึงเนื้อร้องที่พูดถึงการปล่อยตัวล่องลอยไปในกระแสธารของจิตใต้สำนึก  เช่นในเพลงWhat the water gave me ซึ่งแม้จะเป็นแค่เพลงที่สองของคืนนั้น แต่ก็สามารถทำให้ผู้ชมนับพันจมดิ่งไปอยู่ในห้วงอารมณ์เดียวกันได้อย่างน่า ขนลุก

ตลอดสองชั่วโมง เธอทยอยร้องเพลงดังจากอัลบั้มเก่าอยู่หลายเพลง เช่น Cosmic love, Between two lungs และ Drumming song ซึ่งแฟนๆร้องตามกันได้ทั้งฮอลล์ (ใครร้องไม่รู้ไม่รู้ แต่เราร้องดังสุด)  โดยเฉพา  Dog days are over ซิงเกิ้ลสุดฮ็อต  ที่ระหว่างร้อง Florenceก็สอนให้ปรบมือพร้อมกระโดดตามจังหวะ   เล่นเอาทั้งคนร้องและคนดูเหงื่อซกหน้า ไปตามๆกัน

สามเพลงต่อ มาเธอเล่นเป็นเซ็ตacoustic แต่พลังเสียงยังเต็มสตรีมดังเดิม  โดยมีเพลง Heartline ที่เธอบอกว่าขออุทิศในคุณแม่ของเธอที่มาชมในวันนี้ และชาวลอนดอนทุกๆคน
"ฉันเขียนเพลงนี้ในขณะที่เดินทางไปเล่นคอนเสิร์ต ไกลๆ  ในเวลาที่ต้องสู้ต่อไปแม้จะคิดถึงบ้านและคนที่เรารักก็ตาม...วันนี้ฉันดีใจ มากที่ได้กลับมาร้องมันที่บ้านเกิดของฉัน "  เธอยิ้ม " london, this is for you!"  คำพูดนั้นทำให้Florenceมีเสน่ห์ความเป็นอังกฤษจ๋าจนแทบจะเห็นภาพซ้อนของkate bushอยู่ตรงหน้า  ผู้ชมชาวลอนดอนที่มาดูจึงอินกันเป็นพิเศษ ช่วยกันตะโกนร้องจนเสียงแห้ง เกิดเป็นเสียงประสานของคนในโดมพันๆคน สอดคล้องกับวงดนตรีสดขนาดยักษ์  สร้างความฮึกเฮิมและนต์ขลังอย่างอธิบายไม่ได้
ยิ่งในจังหวะกลองของ เพลงสุดอลังการอย่างAll these and heaven too, Leave my body และ Spectrum  ที่เวลาเล่นสดออกมาแล้วรู้สึกยิ่งใหญ่และเต็มไปด้วยชีวิต จนอดรู้สึกไม่ได้ว่าเพลงในอัลบั้มCeremonialsส่วนใหญ่ ถูกแต่งขึ้นเพื่อการนี้โดยเฉพาะ ...

 ขณะที่ร้องนั้นFlorenceสบัดข้อมือขึ้นลงเหมือนกับวาทยกร…เธอรู้ดีว่าผู้ชมทั้งหมดอยู่ในกำมือของเธอ 
 อันนี้อัดเองอาจจะได้ยินเสียงเรารวมร้องบางตอน  ต้องขอโทษด้วย อดใจไม่ไหวจริงๆ


พอ เล่นไปได้ซักพักเธอก็กล่าวขอบคุณ หลังจากจบเพลง No Light No Light, และเดินลงจากเวทีไป  ทำเอาผู้คนส่งเสียงเรียกร้องEncoreกันซักพัก ใหญ่
จน กระทั้งเธอกลับขึ้นมาอีกครั้ง พร้อมเล่นcover ประจำตัว  You got the love  เวอร์ชั่นมหากาพย์  และปิดการแสดงด้วยเพลงว่าด้วยการจมน้ำ(อีกแล้ว) Never let me go ด้วยเมโลดี้ช้าๆแต่ทรงพลัง เป็นสามนาทที่รู้สึกปลาบปลื้มและมีความสุข จนไม่มีใครอยากจะ Let her goตามนั้นพลงเลยจริงๆ

โดย รวมแล้ว คอนเสิร์ตCeremonialเป็นเหมือนพิธีการ ส่งมอบอำนาจและพลังความอาจหาญจากFlorence & the machineสู่แฟนเพลงนับพัน ด้วยความอลังการของสถานที่, บทเพลง. และตัวนักร้องเอง ทำให้เราแหกปากร้องพร้อมกระโดดเต้น เป็นตัวของตัวเองอย่างเต็มหน่วง   ประหนึ่งต้องมนต์สะกดของแม่มด…อยู่ในความฝันที่ยากจะลืมเลือน
คืนนั้นเราเดินออกจากปราสาทAlly Pallyด้วยความรู้สึกเปล่งประกายด้วยความฮึกเฮิมประหนึ่งทหารศึก

ทำให้นึกถึงเนื้อเพลงSpectrumที่ร้องว่า 
We are shining , and we'll never be afriad again!
ดาว์ นโหลดการบันทึกเสียงคอนเสิร์ตFlorence & the Machine Live at Alexandra Palace จากBBC6 นี้ได้ที่: http://www.mediafire.com/?aiuhp1wqfdnx3uv

(บทความนี้ตีพิมพ์ครั้งแรกที่ Florence & The Machine Thailand Official page, 30th March 2012)

No comments:

Post a Comment